เตรียมตัวเตรียมใจเป็นสะใภ้เกาหลี
ครอบครัวแททเป็นคนจีนแท้ๆค่ะ อาม่าอพยพมาจากซัวเถา อากงมาจากไหนเดี๋ยวต้องไปเช็คกะอาม่าก่อนนะคะ ไม่แน่ใจ ตอนคุณแม่แททแต่งงานเข้าเป็นสะใภ้แม่เคยเล่าให้ฟังถึงความลำบากที่แม่ผัวสารพัดจะนำมาให้ แต่ตั้งแต่แททจำความได้ก็ไม่ค่อยมีอะไรบาดหมางแล้วค่ะ รักกันดี อาจจะเป็นเพราะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันด้วย
ก่อนแต่งงานแอบได้ยินมาว่า เป็นสะใภ้เกาหลีชีวิตก็ไม่ต่างอะไรจากสะใภ้จีนมาก เป็นความโชคดีที่เราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันกับครอบครัวสามีค่ะ และโชคชั้นที่สอง เราไม่ได้อยู่ประเทศเดียวกันค่ะ แททและสามียังใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทยเหมือนตอนก่อนแต่ง แททเลยไม่ได้ต้องเตรียมตัวมากหลังแต่งงานค่ะ
แต่ๆๆๆ เคยเห็นในซีรี่ย์เกาหลีและเห็นจากคุณแม่สามีว่ามาตรฐานการเป็นแม่บ้านเกาหลีนั้นสูงมากเหลือเกิน ความจริงแม่บ้านไทยสมัยก่อนก็น่าจะคล้ายๆกันนะคะ คือชีวิตนี้ถวายตัวให้ลูกและผัวและบ้าน แต่เนื่องจากในปัจจุบันผู้หญิงไทยทำงานนอกบ้านมากขึ้น งานบ้านงานเรือนจึงลดน้อยลงตามเวลาที่หายไป ทั้งนี้ทั้งนั้น แททเชื่อนะคะว่ายังมีพี่ๆแม่บ้านหลายท่านที่ยังคงรักษามาตรฐานไทยเดิมไว้ได้อย่างดี ซึ่งต่างจากแททมากมายค่ะ
ตั้งแต่เด็กแททก็เห็นคุณแม่ทำงานนอกบ้านมาตลอดค่ะ งานบ้านและอาหารถูกจัดการโดยพี่แม่บ้าน แททเคยทำงานบ้านน้อยมากๆ ทำเป็นทุกอย่างนะคะ ไม่แน่ใจว่าใครสอนแต่ก็ไม่ค่อยได้ทำค่ะ ยังดีที่ชอบทำอาหารคลายเครียด แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารฝรั่งไม่ก็ขนมนะคะ เพราะง่ายกว่า
แต่เมื่อแต่งงานออกมาอยู่กับสามี เราก็ต้องปรับตัวค่ะ แททขอแทนคุณแม่ของสามีว่า "ออมม่า" นะคะ ออมม่าเป็นแม่บ้านในอุดมคติของโอปป้าค่ะ ไม่แปลกเนอะ แททเชื่อว่าหนุ่มๆหลายคนก็ต้องมองคุณแม่เป็นต้นแบบของภรรยาที่ดี ซึ่งออมม่าทำงานนอกบ้านค่ะ แต่ยังสามารถมีเวลาดูแลบ้าน ดูแลลูกและสามีได้เป็นอย่างดี คนเกาหลีนิยมทานอาหารแบบทำทานเองที่บ้านมากกว่าซื้อจากข้างนอกนะคะ แม่บ้านเกาหลีสมัยนี้ซื้อทานมากขึ้นแต่การทำอาหารก็เรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญของครอบครัวเกาหลีเลยค่ะ แททจึงเริ่มจากการฝึกทำอาหารเกาหลีค่ะ เราก็อยากให้สามีได้ทานอาหารแบบโฮมเมดเนอะ ใช้เสน่ห์ปลายจวักมัดเค้าไว้ จะได้ไปไหนไม่รอด รึเปล่า? 5555
ทุกเย็นแททต้องเตรียมอาหารให้โอปป้าก่อนเค้าถึงบ้านค่ะ เครื่องเคียงส่วนใหญ่จะทำทีละเยอะๆจะได้ทานได้หลายวัน จะมีแค่พวกเนื้อสัตว์ที่ทำสดนะคะ ส่วนมื้อเช้าส่วนใหญ่แททจะเตรียมเป็นอะไรที่ทานง่ายๆพวกแซนวิชหรือไม่ก็แพคเป็นอาหารกล่องให้ค่ะ ถ้าไม่เตรียมให้นางก็จะไม่ทานมื้อเช้า ละพอสายๆก็จะส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้มาอ้อนว่าหิว ไม่เคยซื้อทานเองนะคะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทั้งที่ในตึกออฟฟิศมีทั้ง Starbucks และ TOPS
นอกจากนี้แล้ว งานบ้านแททก็ต้องขยันทำมากขึ้นค่ะ โอปป้ารักสะอาดมากกกกกกกกกก จนเคยแซวแททว่าไปโกนหัวมั้ยเพราะผมแททร่วงเต็มบ้าน เพราะฉะนั้น ดูดฝุ่นทุกวันค่ะ จนกว่าจะไปโกนหัวละมั้ง ซักผ้ารีดผ้าเป็นงานหนักสำหรับแททค่ะ แถวคอนโดที่พักค่าซักรีดแพงมาก จนต้องทำเอง เพิ่งเข้าใจว่าการที่เดาฟ้าฝนไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่มาก
ทุกวันนี้งานบ้านเค้าช่วยแททบ้างนะคะ แต่ก็ไม่ได้มาก หนุ่มเกาหลีสมัยใหม่จะเต็มใจช่วยงานบ้านมากกว่าสมัยก่อนเยอะค่ะ อย่างทุกวันนี้คือเค้าจะล้างจาน เก็บเตียง เปลี่ยนผ้าปูที่นอน คือทำเท่าที่ทำได้ค่ะ แททว่าบางทีผู้หญิงเราก็เอาใจเค้ามากไปจนเคยตัวค่ะ แต่คิดซะว่า เราทำให้ทุกอย่าง มันจะได้ขาดเราไม่ได้ หึๆ
ในฐานะสะใภ้แททโชคดีมากค่ะ ที่ไม่เข้าใจภาษาเกาหลี ทำให้ลดโอกาสที่จะบางหมางกันกับพ่อแม่สามี เค้าพูดอะไรเราก็ยิ้มรับ คือถ้าด่าเราก็ไม่เข้าใจอ่ะค่ะ 555 แต่อัปป้า (คุณพ่อสามี) น่ารักมากกกกก ตั้งแต่ทราบว่าแททจะเป็นสะใภ้ อัปป้าตื่นมาฟังข่าว CNN, BBC ทุกเช้าเพื่อฝึกภาษาอังกฤษ น่ารักไปอีกค่ะ
โอปป้าบอกแททว่า พ่อสามีจะเอ็นดูลูกสะใภ้เป็นเรื่องปกติของวัฒนธรรมเค้านะคะ ประมาณว่าถ้าใครรังแกก็วิ่งไปฟ้องอัปป้าได้เลย ซึ่งโอปป้าอิจฉามาก ณ จุดนี้
หลังจากที่กลับมาจากฮันนีมูนแททกับโอปป้าแวะที่เกาหลีก่อนกลับไทยนะคะ เรากลับไปนอนที่บ้านหนึ่งคืน ซึ่งไฟลท์ที่เรากลับมาค่อนข้างดึกค่ะ น่าจะห้าทุ่มได้ บ้านของโอปป้าอยู่ย่าน Samchongdong ห่างจากสนามบินอินชอนประมาณชั่วโมงครึ่งได้ค่ะ อัปป้าก็ขับรถมารับ (อัปป้าบอกว่าขับมารับลูกสะใภ้ค่ะ) กลับมาถึงบ้านปุ๊บเราก็แจกจ่ายของฝากและคำนับพ่อแม่สามี 3 รอบก่อนนอนค่ะ การคำนับเรียกว่า "จอล"นะคะ โอปป้าบอกว่าถือเป็นการทำความเคารพครั้งแรกเมื่อกลับมาในฐานะสามีภรรยาค่ะ
สำหรับแทททุกวันคือการเรียนรู้และฝึกฝนไปเรื่อยๆนะคะ ตอนนี้กำลังหาที่เรียนภาษาเกาหลีอย่างจริงจัง คาดว่าครั้งหน้าน่าจะสามารถสื่อสารกับออมม่าได้มากขึ้น เค้าจะได้ปลื้มค่ะ ท้ายที่สุดแล้ว แททว่าไม่ว่าจะเป็นสะใภ้บ้านไหนก็ไม่ง่ายเนอะ คงต้องพยายามกันต่อไป สู้ๆนะคะสะใภ้ทุกคนนนน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น