พิธีแต่งงาน Traditional Korean Wedding

แททเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนต้องมีงานแต่งงานในฝัน แบบว่า ใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวเดินเข้าโบสถ์ เจ้าบ่าวตะลึงในความสวยเรา อะไรประมาณนี้ แททไม่ได้ถึงขั้นว่าใฝ่ฝันแต่ก็มีคิดไว้บ้างนะคะ คิดแบบกว้างๆมากๆ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะแต่งงานกับผู้ชายเกาหลี เลยกลายเป็นได้เข้าพิธีตามธรรมเนียมของเกาหลีแทนค่ะ วันนี้เลยมารีวิวการแต่งงานแบบเกาหลีที่เราไม่ได้เตรียมเองเลย ฟังไม่รู้เรื่องด้วย ยิ้มอย่างเดียวค่ะ 5555




ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า งานแต่งงานที่เกาหลีมีให้เลือกสองแบบนะคะ แบบแรกคือแบบฝรั่ง ใส่ชุดเจ้าสาวสีขาว จะเข้าโบสถ์หรือไม่เข้าโบสถ์ก็ได้ อันนี้แล้วแต่ความเชื่อทางศาสนาค่ะ ถ้าไม่เข้าโบสถ์ก็จัดงานที่ Wedding Hall โดยที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวอาจจะเชิญผู้ใหญ่ที่ทั้งคู่เคารพมาอวยพรแทนบาทหลวงค่ะ แบบที่สองคือแบบดั้งเดิมซึ่งคนสมัยนี้ไม่ค่อยจัดกันแล้วนะคะ เพราะว่าขั้นตอนเยอะแล้วก็วุ่นวายค่ะ

สถานที่จัดงานส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Full-Service คือเค้าจะมีบริการให้เช่าชุด แต่งหน้า ถ่ายภาพ จัดเลี้ยง ทั้งหมดในที่เดียวค่ะ เนื่องจากว่าแททและโอปป้าอยู่ที่ประเทศไทยและจะบินไปก่อนงานแต่งแค่ 2 วัน คุณแม่และพี่สาวโอปป้าจึงจัดการแทบทุกอย่างเลยค่ะ สรุปสถานที่ก่อนล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน เราจัดงานที่มหาวิทยาลัย Sungkyunkwan ค่ะ

แต่ก่อนที่จะได้แต่ง เรามาพูดถึงธรรมเนียมเรื่องเงินๆทองๆกันสักนิดนึงนะคะ ตามธรรมเนียมคนไทยเท่าที่แทททราบมา นอกจากเรื่องสินสอดที่ฝ่ายชายจัดเตรียมแล้ว ค่าจัดงานก็เป็นความรับผิดชอบของฝ่ายชายซะส่วนใหญ่ งานหมั้นเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายหญิง แต่อันนี้สามารถต่อรองกันได้ (ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกมั้ย ถ้าผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ) ของเกาหลี ฝ่ายหญิงต้องเตรียมของขวัญให้ครอบครัวฝ่ายชาย ของขวัญนี่จริงจังมากนะคะ เป็นพวกโค้ทเฟอร์ ของแบรนด์เนม คือคล้ายๆสินสอดค่ะ ค่าจัดงาน50/50 ฝ่ายชายซื้อบ้านในขณะที่ฝ่ายหญิงซื้อของตกแต่งในบ้าน บ้านที่เกาหลีแพงมากนะคะ ตอนรู้ราคาแอบตกใจเบาๆ พอทราบธรรมเนียมของทั้งสองฝ่ายแล้วก็ต้องใช้การต่อรองกันเองระหว่างบ่าวสาว เรื่องเงินๆทองๆนี่ยอมรับเลยนะคะว่าทำให้มีปัญหาบ้างในบางครั้ง จะให้เค้าเข้าใจฝั่งเราฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เราต้องพยายามเข้าใจธรรมเนียมเค้าด้วย

หนึ่งวันก่อนงานแต่งงาน แททเดินทางไปที่สถานที่จัดงานเพื่อลองชุดค่ะ ชุดฮันบกที่ใช้ในพิธีจะมีหลายแบบนะคะ ขึ้นอยู่กับว่างานแต่งจัดช่วงฤดูไหน งานแททจัดตอนเดือนเมษายน เป็นฤดูใบไม้พลิ สีชุดส่วนใหญ่ที่มีให้เลือกจะเป็นสีหวานๆซอฟๆค่ะ ความจริงอยากจัดหน้าหนาวมาก อยากใส่ฮันบกแบบที่มีเฟอร์ตรงคอ แต่ไม่ทันละค่ะ แหะๆ 





สำหรับวันจริง ช่างแต่งหน้าสั่งมาว่าให้มาหน้าสดค่ะ ห้ามลงผลิตภัณฑ์ใดใดนอกจาก Moisturizer คืนก่อนวันงานให้สระผมโดยไม่ลงครีมนวด ไม่งั้นจะเซตยากค่ะ ลืมบอกไป แททถูกคุณแม่แฟนสั่งห้ามตัดผมตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าจะแต่งงานเลยค่ะ เดี๋ยวมวยผมไม่ได้ อุตส่าห์ไม่ตัดเลยตั้งหลายเดือน ปรากฎว่าต้องใช้วิกผมช่วยอยู่ดีค่ะ 

พอวันงานแททมาถึงตอนประมาณ 10.30 ค่ะ งานเริ่มบ่ายโมงนะคะ เราก็มาเตรียมตัวแต่งหน้าทำผม พอเสร็จเค้าจะพาลงไปถ่ายรูปด้านนอกค่ะ แต่งหน้าทำผมใช้เวลาไม่นานนะคะ ประมาณ 40 นาที 



หลังจากถ่ายรูปรอบๆสถานที่แล้วก็กลับมาถ่ายในห้องที่จัดเตรียมไว้ให้เจ้าสาวรอก่อนเริ่มพิธีค่ะ



หลังจากนั้นก็เปลี่ยนชุดค่ะ ชุดที่สองสวยมากกกกก รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าสาวจริงๆ แต่ได้ใส่แค่แปบเดียวตอนถ่ายรูป 




หลังจากนั้นก็จะมีอาจุมม่ามาพาเราไปเปลี่ยนชุดที่สามที่จะใช้ตอนพิธีค่ะ จริงๆไม่ได้เปลี่ยนนะคะ เค้าแค่ใส่ทับไปเลย ด้านในเรายังใส่ชุดสีชมพูชุดแรกอยู่ 




สีแดงๆตรงแก้มเป็นสติกเกอร์นะคะ ไม่ได้ทาสี

แต่งตัวเสร็จก็เข้างานได้ค่ะ แททถูกพาไปนั่งคนเดียว แยกไว้เหมือนโดนทำโทษ มีฉากกั้นเลยไม่เห็นเลยว่าเกิดไรขึ้น เข้าใจว่าเจ้าบ่าวและญาติๆต้อนรับแขกอยู่ด้านนอกนะคะ 



พอตอนที่พิธีจะเริ่ม อาจุมม่าจะกรูกันเข้ามาจัดชุด จัดที่ทางให้ค่ะ เค้าให้เรายกข้อศอกตั้งฉากแล้วก้มหัวไว้ เอาผ้ามาบังหน้าเหมือนจะไม่ให้เจ้าบ่าวเห็นหน้า (จริงๆเห็นกันตั้งแต่แต่งตัวแล้วมั้ย) เจ้าบ่าวพร้อมกับคนดำเนินพิธีจะเดินมารับค่ะ เดินตามขบวนออกมาด้านหน้าแล้วก็คำนับกัน เค้าพูดอะไรเราก็ฟังไม่รู้เรื่อง เค้าบอกให้เราเดินเราก็เดินค่ะ ในขณะที่ยกแขนไว้ตลอดนะคะ ประมาณ 20 นาทีได้ แต่แขนสั่นเลย 


จากนั้นเค้าจะกำกับให้เราเดินแยกกันไปคนละทาง นั่งที่พื้นคนละฝั่งของโต๊ะ มีการเทเหล้าให้กันโดยที่มีคนเดินเอาไปให้ค่ะ 




คำนับกันหลายรอบมากค่ะ ก้มจนมึนเลย วิธีการคำนับสำหรับผู้หญิงอันนี้ต้องซ้อมค่ะ เริ่มจากการไขว่ขาตอนยืน ไขว่ขาข้างนึงมาด้านหน้าแล้วค่อยๆย่อลงจนก้นติดพื้นโดยไม่ใช้มือ (เพราะมือตั้งฉากอยู่ค่ะ ไม่ว่าง) ตอนลุกก็ห้ามใช้มือค่ะ ขนาดมีคนช่วยพยุงยังเหนื่อยเลยค่ะ

หลังจากคำนับเสร็จก็ออกมายืนด้านหน้านะคะ เค้าบังคับให้เราตะโกนเรียกเจ้าบ่าวว่า "โยโบ" แปลว่าที่รักค่ะ เป็นคำที่ส่วนใหญ่ต้องแต่งงานกันแล้วถึงใช้นะคะ เจ้าบ่าวก็จะแอบขำแล้วก็ปลื้มนิดๆ แล้วก็ให้เราดูโชว์ค่ะ เป็นโชว์การตีกลองเต้นระบำแบบพื้นเมือง ตอนโชว์นี่เจ้าสาวจะเป็นลมค่ะ คือยืนนาน และเกร็ง และไม่ได้กินข้าว ทุกคนบอกว่าโชว์สนุกมากเลย แต่ตอนนั้นเราไม่ได้ดูค่ะ ตั้งสติไม่ให้วูบอย่างเดียว




จากนั้นก็ถ่ายรูปกับครอบครัวและแขกในงานค่ะ หลังถ่ายรูปแขกจะถูกเชิญไปห้องอาหารในขณะที่บ่าวสาวต้องเข้าพิธีต่อกับครอบครัวฝ่ายชายค่ะ เป็นพิธีคล้ายๆยกน้ำชาของจีนแต่ของเกาหลีเรายกโซจูค่ะ พิธีนี้เรียกว่า "เพเบค" ค่ะ 

พิธีเพเบคจะจัดขึ้นในห้องเล็กๆ มีอาหารคาวหวานผลไม้และเหล้าวางบนโต๊ะ เข้าใจว่าอันนี้ที่จริงฝ่ายเจ้าสาวต้องเตรียมนะคะ แต่คุณแม่เจ้าบ่าวน่ารักมาก ท่านเตรียมให้หมดทุกอย่างเลย

พอเข้าไปในห้องเราก็รับพรจากผู้ใหญ่ รินเหล้าให้ท่าน คำนับ แล้วก็รับซองกลับมา พอคุณพ่อคุณแม่ให้ซองเสร็จท่านจะโยนเกาลัดกับพุทราให้เราใช้ผ้าที่ชายกระโปรงช่วยกันรับค่ะ เป็นสัญลักษณ์ของลูกชายและลูกสาวนะคะ ยิ่งรับได้เยอะลูกก็จะยิ่งเต็มบ้าน 

ผู้ใหญ่ท่านอื่นๆที่เข้าร่วมพิธีเพเบคจะเป็นญาติฝ่ายเจ้าบ่าวนะคะ เหมือนเป็นการต้อนรับสะใภ้เข้าบ้าน ฝ่ายเจ้าสาวไม่ต้องเตรียมซองค่ะ (อันนี้ตอนแรกแททเข้าใจผิด เลยขอให้ญาติๆฝั่งเจ้าสาวเตรียมซองด้วย แต่ไม่ได้ใช้ค่ะ 555) จากนั้นเจ้าบ่าวจะยื่นซองให้เราเก็บ เหมือนจะบอกว่าให้เราดูแลเงินในบ้าน แต่เปล่าค่ะ หลังเสร็จงานซองหายวับเลย 


จากนั้นก็มีการให้บ่าวสาวกัดผลพุทราคนละด้าน ใครได้เมล็ดไปจะเป็นใหญ่ในบ้าน เจ้าบ่าวกัดได้ค่ะ แล้วนางก็ดันมาใส่ปากเรา (อันนี้มีวิดิโอ เดี๋ยวไว้จะลงให้ดูนะคะ) จากนั้นขั้นตอนสุดท้าย เจ้าบ่าวต้องแบกเจ้าสาวขึ้นหลังแลัวเดินวนรอบห้อง เค้าบอกว่าอยากได้ลูกกี่คนให้วนเท่านั้นรอบ แต่เจ้าบ่าวเราแก่แล้ว วนรอบเดียวจบค่ะ



เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธีค่ะ

จากนั้นเราก็ถอดชุดคลุมออก เหลือแค่ฮันบกสีชมพูไว้เพื่อออกไปเดินขอบคุณแขกและถ่ายรูปเล่นค่ะ ในระหว่างนั้นก็ไปทานข้าวอย่างหิวโหย แททถูกจับไปนั่งทานอาหารกับครอบครัวเจ้าบ่าว เหมือนเป็นการบอกว่า ต่อไปนี้นี่คือครอบครัวของเรา 


โดยส่วนใหญ่แล้ว คู่แต่งงานคนเกาหลีจะเดินทางไปฮันนีมูนทันทีหลังเสร็จงานแต่งนะคะ เราจะเห็นบ่อยมากที่เจ้าสาวหน้ายังแน่นผมยังมวยอยู่แล้วไปสนามบิน แต่แททเดินทางกันวันรุ่งขึ้นค่ะ เพราะอยากอยู่กับเพื่อนๆที่บินไปร่วมงานที่นู่นก่อน ดีใจมากที่ไม่ได้เดินทางเลย เพราะเหนื่อยมากกกกกค่ะ แขนและ
หลังล้าไปหมดเลย 



พอส่งแขกเสร็จเราก็เปลี่ยนชุดเพื่อไปลั้นลากับเพื่อนๆต่อค่ะ โดยรวมแล้วงานสนุกนะคะสำหรับเรา ได้ทำอะไรแปลกๆครั้งหนึ่งในชีวิต เราโชคดีมากที่ครอบครัวเจ้าบ่าวเอ็นดูเราและจัดการทุกอย่างให้เป็นอย่างดี  

จบการรีวิวเพียงเท่านี้จ้าาา เขียนนานนะ อ่านเถอะ 


ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อยู่กับหนุ่มเกาหลีให้เป็น

โอปป้าคิดยังไงกับหญิงไทย